ยานอนหลับ…ทานแล้วจะติดหรือไม่
คำว่า “ยานอนหลับ” ดูเหมือนจะไม่ใช่ยาสำหรับความคิดของหลายๆคน เพราะมีความเชื่อกันว่าทานแล้วจะทำให้ติดยา เลิกทานไม่ได้ เป็นอันตรายต่อร่างกาย เหมือนเป็นยาเสพติด
แต่สำหรับจิตแพทย์แล้ว ยานอนหลับคือ ตัวช่วยหนึ่งในการรักษา และไม่ได้รู้สึกว่าน่ากลัวอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ เพราะถ้าใช้อย่างถูกวิธี ก็จะเป็นยาที่มีประโยชน์มาก
ยานอนหลับ ในทางจิตเวช หมายถึงยาในกลุ่ม benzodiazepine ซึ่งมีหลากหลายยี่ห้อ และ แตกต่างที่ระยะเวลาในการออกฤทธิ์ แต่ยาในกลุ่มจิตเวชอื่นๆ เช่นยาคลายกังวล ยารักษาโรคซึมเศร้า ยารักษาโรคจิต ก็มีฤทธิ์ที่ทำให้ง่วงและสามารถใช้เพื่อให้ผู้ป่วยนอนหลับได้เช่นกัน
คุณสมบัติอื่นนอกจากเป็นยาที่ทำให้นอนหลับแล้วยังมีผลดังนี้
- ใช้เป็นยานอนหลับ ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
- คลายกล้ามเนื้อ
- รักษาอาการชัก
- คลายกังวล
ส่วนมากจิตแพทย์จะสั่งจ่ายยานอนหลับ ควบคู่ไปกับยารักษาโรคหลักที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ เช่น ควบคู่กับยารักษาโรคซึมเศร้าในช่วง 1 เดือนแรก เพื่อรอผลของยารักษาโรคซึมเศร้าออกฤทธิ์เต็มที่ เมื่ออาการของโรคดีขึ้น จิตแพทย์จะค่อยๆปรับลดยาลงมาจนกระทั่งหยุดยานอนหลับได้ คงเหลทอแต่ยารักษาโรคหลัก ซึ่งถ้าผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนการรักษาจะสามารถหยุดยานอนหลับได้ในระยะเวลา 3-6 เดือน
แต่มีผู้ป่วยส่วนหนึ่งที่ทานยานอนหลับอย่างผิดวิธี ทำให้การใช้ยานอนหลับไม่เกิดผลเต็มประสิทธิภาพ เช่น
- ทานๆหยุดๆ ในช่วงเริ่มต้นการรักษา
- ปรับขนาดทานเพิ่มเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน
- ทานยานอนหลับหลายขนานพร้อมกัน
- ทานยานอนหลับไม่เป็นเวลา
- ใช้ยาอื่นๆเพื่อหวังผลเป็นยานอนหลับ เช่น ยาลดน้ำมูก ยาแก้ปวดเป็นต้น
- ซื้อยาจากร้านยามาทานเอง ซึ่งยาที่ได้รับอาจไม่ใช่ยานอนหลับโดยตรง
พฤติกรรมดังกล่าวอาจทำให้เกิดการดื้อยา หรือ เสพติดยา ได้ โดยที่ไม่ได้เกิดจากฤทธิ์ยาที่ทำให้เสพติด แต่เกิดจากผู้ที่ใช้ยานั้นเอง
นอกเหนือจากการใช้ยาแล้ว การปฏิบัติตนเองเพื่อปรับสุขลักษณะการนอนที่ดี จะมีผลที่ดีต่อคุณในระยะยาว คือ นอนหลับได้เอง หรือ ถ้าใช้ยานอนหลับก็จะเป็นปริมาณที่น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นค่ะ
ดังนั้น การใช้ยานอนหลับ โดยอยู่ในการดูแลของจิตแพทย์ จะทำให้ผู้ป่วยได้รับประโยชน์สูงสุด และขอให้ผู้ป่วยมั่นใจในจิตแพทย์ของตนเองที่รักษาอยู่ว่าจะใช้ยาที่เหมาะสมกับอาการของคุณ
โดย
พญ. ธรรมิกา เทพพาที

|